แท็งก์ยักษ์
แท็งก์ยักษ์
การเก็บน้ำด้วยแท็งก์ขนาดใหญ่ที่ชาวบ้านสามารถทำได้เอง โดยใช้ไม้ไผ่ซึ่งเป็นวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น และใช้งบประมาณที่ไม่มากนัก เกิดขึ้นครั้งแรกที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติชุมชนต้นน้ำน่าน (ชตน.) โดยผู้ที่คิดค้นวิธีทำแท็งก์นี้คือ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร (อาจารย์ยักษ์) จึงเรียกกันว่า "แท็งก์ยักษ์" ในครานั้นผู้ที่ควบคุมการสร้างคือ อาจารย์โจน จันใด ภายหลังจึงเรียกว่า "แท็งก์ยักษ์มาตรฐานโจน" สำหรับเก็บน้ำฝนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อที่ชุมชนจะได้มีน้ำกิน น้ำใช้ พอเพียงตลอดฤดูแล้ง
เครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติได้ทำแท็งก์ใช้เองในหลายพื้นที่เช่นที่ จ.น่าน จ.กาญจนบุรี และที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง จ.ชลบุรี การสร้างแท็งก์เป็นตัวอย่างที่ดีของการร่วมแรงร่วมใจที่มาเอามื้อลงแขกกันเพื่อสร้างแหล่งเก็บน้ำในชุมชน
การเลือกทำเลสร้างแท็งก์ยักษ์ ควรจะสร้างบนที่สูงกว่าระดับพื้นทั่วไป ซึ่งจะทำให้การจ่ายน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภคง่ายขึ้น สามารถใช้พลังงานแสงอาทิตย์สูบน้ำจากหนองหรือบ่อขึ้นไปเก็บในแท็งก์ การจ่ายน้ำลงก็จะประหยัดการใช้พลังงาน
ขั้นตอนการสร้างแท็งก์น้ำยักษ์
1. การขุดดินและการทำคานคอดิน
1.1 ปรับพื้นที่ให้เรียบให้ได้ระดับในแนวราบ กำหนดขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางด้วยการหาจุดศูนย์กลางของแท็งก์
1.2 ใช้ไม้หรือเหล็กตอกที่จุดศูนย์กลาง ใช้เชือกคล้องที่หลักศูนย์กลาง วาดรัศมีตามขนาดที่ต้องการ
1.3 เมื่อได้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางแล้ว จึงขุดเอาดินด้านในของแท็งก์ออก เพื่อให้ฐานของแท็งก์อยู่ลึกลงไปประมาณ 1.5 ม.
1.4 การขุดสามารถทำได้ 2 วิธี คือ ใช้คนขุด กับใช้รถขุด มีข้อแนะนำว่า ไม่ว่าจะขุดด้วยวิธีไหน ขอให้ขอบของแท็งก์ เป็นแนวดิ่งตั้งฉาก 90 องศากับระนาบของพื้นดินเสมอ
1.5 ปรับระดับของพื้นให้ได้ระนาบ 180 องศา ปรับระดับของผนังให้ตั้งฉากกับพื้น
1.6 ขุดดินเป็นร่อง (สี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง) โดยรอบวงกลม เพื่อทำเป็นคานคอดินรับน้ำหนักของแท็งก์ (ขั้นตอนเดียวกับการทำคานคอดินในกระบวนการก่อสร้างทั่วไป) กำหนดจุดที่จะเป็นท่อระบายน้ำ ขุดวางท่อขนาด 4 นิ้วให้ลอดใต้คานคอดิน โดยให้ปลายที่อยู่ในแท็งก์ใส่ข้องอ 90 องศา ต่อท่อโผล่ขึ้นมาประมาณ 30 ซม. (เผื่อตัดปลาย)
1.7 ใช้ไม้ไผ่แทนเหล็กเสริมคอนกรีต แล้วจึงเทปูนซีเมนต์โครงสร้าง
1.8 เมื่อเทปูนซีเมนต์แล้วให้ใช้ไม้ไผ่ขนาดความยาวประมาณ 2 ม. เสียบลงในปูนซีเมนต์ในแนวดิ่ง ระยะห่างกัน 50 ซม. เพื่อที่จะใช้เป็นโครงสำหรับสานไม้ไผ่ขึ้นไป
2. เทคนิคการขึ้นโครง
2.1 เมื่อเทคานคอดินแล้ว ก็ทำการสานไม้ไผ่เป็นตัวเสริมคอนกรีตที่พื้น
2.2 เทพื้นโดยใช้ปูนซีเมนต์โครงสร้างหนาอย่างน้อย 15 ซม.
3. การทำผนังและการก่อฉาบ
3.1 ผ่าไม้ไผ่เป็นเส้น ๆ ความกว้างของแต่ละเส้นประมาณ 3 ซม. ลบคมให้เรียบร้อย สานชิดกันจากไม้ไผ่ที่ทำการเสียบลงในคอนคอดินไว้แล้วขึ้นในลักษณะสานกระบุง
3.2 เมื่อสานไม้ไผ่สูงขึ้น ประมาณ 1 ม.ให้ทำการฉาบปูนซีเมนต์ที่ไม้ไผ่ ให้หนาประมาณ 3 ซม. เพื่อที่จะเป็นแบบสำหรับจะเทปูนซีเมนต์ลงไปเป็นผนังของแท็งก์ (ในช่วงนี้ให้วางท่อน้ำออกผ่านทะลุผนังไว้ด้วย)
3.3 เมื่อฉาบปูนซีเมนต์แห้งได้ที่แล้ว ให้เทกรอกปูนซีเมนต์โครงสร้างลงไปในช่องระหว่างดินกับผนังไม้ไผ่ กระทุ้งเสียบน้ำปูน อย่าให้มีช่องว่าง
3.4 ค่อย ๆ ทำผนังแท็งก์ขึ้นไปที่ละช่วง ช่วงละ 1 ฟุต อย่าทำเกินกว่าช่วงละ 1 ฟุต เพราะจะทำให้ผนังไม้ไผ่ที่ฉาบปูนแล้วปริแตกได้
3.5 เมื่อทำผนังโผล่พ้นระดับของพื้นดินเดิม บางวิธีก็ใช้ไม้อัดทำเป็นแบบที่ด้านนอกของแท็งก์ สานไม้ไผ่และฉาบแต่ด้านในของผนัง หรือใช้วิธีสานไม้ไผ่ที่ชั้นนอกแล้วฉาบปูน ซึ่งจะทำเป็นแบบสำหรับเทปูนไปในตัว และให้ควบคุมลักษณะของทรงกลมมิให้บิดเบี้ยวได้ดีกว่าการใช้ไม้อัดทำเป็นแบบที่ด้านนอก
3.6 ให้สานไม้ไผ่ ฉาบเพิ่มความหนา ตกแต่งผิวเรียบเนียน และกรอกปูนซีเมนต์ขึ้นไปเป็นช่วง ๆ ช่วงละ 1 ฟุต จนได้ความสูงที่ต้องการ มีข้อแนะนำว่า แต่ละช่วงของการสานไม้ไผ่และเทปูนซีเมนต์ให้ปรับตรวจดูระดับในแนวระนาบของการเทปูนด้วย ไปจนเมื่อถึงระดับที่ต้องการจะทำให้แท็งก์มีขอบบนที่ได้ระนาบดี
3.7 หากประสงค์จะให้แท็งก์ยักษ์มีความแข็งแรงยิ่งขึ้น ให้นำดินมาเสริมหนุนที่ด้านนอกของแท็งก์ ก็จะทำให้มั่นคงยิ่งขึ้น
4. การคำนวณปริมาณน้ำ
แท็งก์ยักษ์ที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 7 ม. สูง 4.5 ม.
สูตรการคำนวณปริมาตรทรงกระบอก = ¶r2h (พาย x รัศมี2 ) x (ความสูง)
- ¶ = 22/7 = 3.14
- r = รัศมีวงกลม = 3.5
- h = สูง = 4.5
- ∴ 3.14 × 12.25 × 4.50 = 173.0925 ลบ.ม. หรือ = 173,092.5 ลิตร
ดังนั้น แท็งก์ยักษ์ที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้องมีความจุน้ำ 173,092.5 ลิตร
5. การทำระบบน้ำเข้าและการระบายน้ำออก
5.1 การทำระบบน้ำเข้าไปเก็บในแท็งก์ยักษ์สามารถนำเข้าด้านบนได้เลย แต่ระบบน้ำออกเพื่อนำออกไปใช้นั้น ขอแนะนำให้ทำท่อน้ำออกอยู่เหนือพื้นของแท็งก์ประมาณ 1 ฟุต โดยการวางท่อ PVC ขนาดที่เห็นสมควรผ่านทะลุผนังเพื่อจ่ายน้ำออกไป
5.2 สำหรับการระบายน้ำออกเพื่อการทำความสะอาด ให้ปากของท่อระบายอยู่ต่ำเสมอพื้นของแท็งก์ ก็จะสามารถขจัดเศษวัสดุ หรือตะกอนดินที่จะปรากฏอยู่ก้นแท็งก์ได้ง่ายขึ้น
6. การตกแต่งพื้นที่โดยรอบ
6.1 ทำหลังคาเพื่อป้องกันไม่ให้ใบไม้ปลิวลงแท็งก์ได้ ซึ่งจะทำให้น้ำเสียและยังช่วยลดการระเหยของน้ำ
6.2 ปลูกต้นไม้โดยรอบเพื่อความสวยงามและใช้พื้นที่ให้คุ้มค่า
ข้อมูลและภาพประกอบ: นายสิทธิพร ลำพุทธา มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ